
ตอนวันที่ 18 เม.ย.65 ที่ที่ทำการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสโมสรหน่วยงานปกป้องรัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อเลขาธิการที่ทำการ กกต.
ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ใช้อิทธิพลโดยชอบด้วยกฎหมายพรรคการเมือง 2560 สำหรับเพื่อการแจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ลงความเห็นที่เด็ดขาดตามกฎเกณฑ์พรรคฯ ในกรณีที่อดีตกาลรองหัวหน้าพรรคถูกปรักปรำ และก็ฟ้องต่อศาลว่าทำอนาจารแล้วก็กระทำชำเราหญิงอื่นหลายราย อันเกี่ยวโยงกับมาตฐานทางจรรยาบรรณนั้นนายศรีสุวรรณ พูดว่า เพราะข่าวสารที่ปรากฎเป็นการ
ทั่วๆไปเกี่ยวกับรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รายหนึ่ง ซึ่งถัดมาเจ้าตัวที่ถูกอ้างถึงเป็น นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ออกมาไม่ยอมรับ ข้างหลังถูกยัดเยียดข้อหาจากผู้เสียหายที่เป็นหญิงเยอะๆว่า ปฏิบัติอนาจารแก่บุคคลแก่กว่า 15 ปี แล้วก็กระทำชำเรา โดยเจ้าทุกข์ฟ้องร้องร้องเรียนกล่าวร้ายไว้ที่ สถานีตำรวจลุมพินีแล้ว รวมทั้งตำรวจยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลไว้ 3 คดี แต่ว่าผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปลดปล่อยชั่วครั้งคราว
ทั้งยัง 3 คดี โดยศาลได้คิดราคารับรองในคดีเลขดำ ฝ.173,174/2565 สำนวนละ 200,000 บาท แล้วก็คดีเลขลำดับดำ ฝ.175/2565 ปริมาณ 300,000 บาท โดยมีเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ยกเว้นได้รับอนุญาตจากศาล แล้วก็ให้แจ้งที่ทำการตรวจคนเข้าเมือง(สกองตรวจคนเข้าเมือง) รู้นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า แต่ว่าเหตุเพราะตามข้อปฏิบัติพรรคประชาธิปัตย์ 2561 ข้อ 19(2)(4) ข้อ 24 ถึง 28 ประกอบข้อ 115 มีหลักเกณฑ์
อันเกี่ยวโยงกับมาตฐานจรรยาบรรณของสมาชิกและก็ผู้ตัดสินบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไว้ว่าพรรคมีความรับผิดชอบต่อสมาชิก โดยจำเป็นที่จะต้องควบคุมแล้วก็กํากับดูแลไม่ให้สมาชิกกระทําการอันเป็นการฝืนกฎรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับ ระเบียบปฏิบัติ ประกาศของ กกต. กฎข้อบังคับพรรค และก็ประกาศของพรรค ถ้าหากฝืนคณะกรรมการบริหารพรรคฯ มีอำนาจลงความเห็นขับให้ผู้ฝืนออกมาจากสมาชิกพรรคได้ แล้วก็ถึงแม้นายปริญญ์จะประกาศลา
ออกทุกตำแหน่งด้านในพรรคประชาธิปัตย์รวมทั้งตาม แม้กระนั้นความเป็นพวกพรรคยังไม่ปรากฏว่าลาออกแล้วหรือเปล่าฉะนั้น ก็เลยเป็นอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะจำเป็นต้องปฏิบัติงานตาม มาตรา22 ที่ พ.ราชการเปรียญกล่าวถึงพรรคการเมือง 2560 โดยรีบแจ้งอวยพรรคประชาธิปัตย์จะต้องทำตามข้อบัญญัติพรรคอย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้เลขาธิการ กกต.แจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์แล้ว คณะกรรมการ
บริหารพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความเอาใจใส่ไหม เรียกสัมมนาคณะกรรมการบริการพรรคไหมลงความเห็นหรือออกคำสั่งใดๆก็ตามเกี่ยวกับกรณีฉาวโฉ่ของนายปริญญ์ และไม่กำหนดมาตรการหรือกรรมวิธีที่ต้อง เพื่อไม่ให้สมาชิกพรรคทำการอันมีลักษณะดังที่กล่าวถึงแล้วอีก และไม่แจ้งให้เลขาธิการกกต.รู้ข้างใน 7 วันนับจากลงความเห็น เลขาฯ กกต.จำเป็นต้องแจ้งให้ กกต.เพื่อพินิจพิเคราะห์มีคำบัญชาให้ คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์พ้นจากตำแหน่งอีกทั้งภาควิชาได้ และก็ห้ามกลับมาเป็นครองตำแหน่งใดในพรรคการเมืองอีกจวบจนกระทั่งจะพ้น 20 ปีไปแล้ว