
ทนายเดชา แจ้งความ ศรีสุววรณ-แต๊งค์ ข้อหาหมิ่นประมาท ลั่นไม่ขอไกล่เกลี่ย
ทนายความเดชา ฝ่าฟ้องร้องพวกหิวแสงสว่าง เริ่มที่ 2 คนที่ใครๆก็รู้จัก “ศรีสุววรณ-แต๊งค์” โดนแล้วข้อกล่าวหาดูหมิ่น ลั่นไม่ไกล่เกลี่ยตกลงความ ให้จบที่ตารางสิ่งเดียว
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จังหวัดจังหวัดนนทบุรี นายเดชา คำเลื่องลือวิทยาความสนุกสนาน ทนายของนางภนิดา หัวยุทธโยธิน แม่ของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ “แตงโม” เข้าแจ้งเหตุร้องเรียนใส่ร้ายป้ายสี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสโมสรหน่วยงานป้องกันรัฐธรรมนูญไทย และก็นายพงศกร มหาเปารยะ หรือ แต๊งค์ อดีตกาลเพื่อนชายคนสนิทสนมของแตงโม ฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ใส่ร้ายคนอื่นๆ ข้างหลังโพสต์ใจความในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คโดยเปรียบเป็นทนายความขยะแฉะ ไม่มีค่ารวมทั้งดูแคลนเกียรติยศการเป็นทนาย
ทนายความเดชา กล่าววว่า ถึงในเนื้อความดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วจะไม่บอกชื่อตนก็ตาม แม้กระนั้นมีการอ้างอิงและก็เกี่ยวโยงโดยใช้คำว่าทนายความจุ๊กกรูรรรรร์ ทำให้ใครๆก็รู้เรื่องว่าเป็นตน พร้อมรับรองว่าไม่ต้องการที่จะสนทนาไกล่เกลี่ยตกลงความ ให้จบที่เรือนจำสิ่งเดียว
ส่วนในกรณีที่ก่อนหน้าที่ผ่านมา ทนายความเดชา กล่าวว่าแม้คนใดจะดุด่าแม่ก็ให้มาด่าตนแทนแล้วก็จะไม่ฟ้องนั้น ขณะนี้รู้สึกทนไม่ได้แล้วเพราะเหตุว่าโดนด่าทอโดยตลอด ต่อจากนี้ชัดเจนความฟ้องร้องคดีเรื่อยคาดว่ามีเป็นจำนวนมากกว่า 10 คน ที่จำต้องถูกฟ้อง
ดังนี้ ทนายความเดชา ยังฝากถึงนายศรีสุวรรณและก็นายพงศกร ว่า ขอให้มามอบตัวเลย เนื่องจากตำรวจจะได้ส่งสำนวนให้ศาลแล้วพาเข้าคุกโดยทันที
ยิ่งกว่านั้น ทนายความเดชา ยังเผยความก้าวหน้าคดีแตงโมวันหลังตำรวจแถลงสรุปสำนวนคดีเหตุว่า สำหรับตนกระแสตอบรับในทางลบไม่มี ส่วนกระแสสังคมที่พูดว่าวิดีโอที่ตำรวจเอามาฉายปราศจากความกระจ่างแจ้งนั้น มั่นใจว่าตำรวจมีหมัดเด็ดมากยิ่งกว่านั้นเพราะเหตุว่าปรารถนาชนะคดีมิได้อยากได้ชนะใจชาวเน็ต ขอให้มั่นอกมั่นใจสำหรับการปฏิบัติงานของตำรวจ
ทนายความเดชา ยังกำหนดอีกว่า กลุ่มชนบนเรือตระเตรียมฟ้องกับฝูงชนหิวแสงสว่างอีกด้วย ในส่วนของคดีเห็นว่าฝูงคนบนเรือได้โอกาสที่จะยอมรับด้วยเช่นกัน
ในตอนที่ พันตำรวจเอกกล้าหาญ สันติภาพปัญญาสามารถวัฒน์ รอง ผบกรัมภ.จว.จังหวัดนนทบุรี เอ๋ยถึงการดำเนินงานของตำรวจหลังจากได้รับเรื่องจากทนายความเดชาว่า เป็นการปฏิบัติการไปตามเดิม พื้นฐานจะซักถามในเรื่องที่ร้องเรียนใส่ร้าย มองจากหลักฐาน และก็ว่ากันไปตามข้อพิสูจน์
ส่วนโพสต์ที่มิได้บอกชื่อแม้กระนั้นบอกถึงตัวบุคคลแน่ชัดนั้น พันตำรวจเอกงามสง่า พูดว่า จำเป็นต้องมองจากเนื้อหาและก็หลักฐานก่อน แม้มีผู้กล่าวหามาและก็สะสมหลักฐานมายังพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวน แล้วก็เชื่อในหลักฐานว่ามีการเอ๋ยถึงจริงก็จะออกหมายเรียกตามวิธีการธรรมดา ส่วนการที่ทนายความเดชาเคยกล่าวว่าสามารถพูดถึงหรือติฉินได้นั้น ส่วนนี้จะต้องมองจากเนื้อหาอีกรอบเพราะเหตุว่าตำรวจก็พึ่งจะรู้ไม่นานว่าจะมีการเข้ามาแจ้งเหตุ ยังมองไม่เห็นเนื้อหารวมทั้งข้อสรุปเพิ่ม